นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า การที่ กกต.มีมติรับเรื่องคดีถือหุ้นสื่อของแคนดิเดตนายกฯ ไว้พิจารณาเอง ตาม ม.151 กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งแต่ยังฝืน โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนต่อไปนั้น ตนเองเห็นว่า เป็นเรื่องปกติตามกฎหมาย เนื่องจากมีหลักฐานปรากฎต่อสาธารณะที่ต้องใช้อำนาจตีความ จะไม่พิจารณาเพื่อตัดสินไม่ได้ แต่สุดท้ายเมื่อไต่สวนข้อเท็จจริงและหลักฐานแล้ว เชื่อว่าจะชนะคดี เนื่องจากไม่ใช่หุ้นสื่อเพราะไม่ทำกิจการมา 17 ปี รวมถึงจำนวนหุ้นไม่เพียงพอที่จะมีอิทธิพลต่อบริษัท สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดี ส.ส.ถือหุ้นสื่อก่อนหน้านี้ และคำวินิจฉัยของศาลฎีกาคดีนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์
ดังนั้น การจัดตั้งรัฐบาลคงจะดำเนินไปตามเงื่อนไขเวลาอย่างราบรื่น ขณะนี้ กกต.คุมกติกาการเลือกตั้ง แต่ประชาชนคุมการทำงาน กกต. เชื่อว่าไม่มีใครอยากติดคุกเพราะละเว้นหรือเลือกปฏิบัติตาม ม.157 และเชื่อว่าจะได้รับการโหวตผ่านจากสมาชิกวุฒิสภาไปได้ด้วยดี รวมถึงการสนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่นที่อยู่ฝ่ายค้านเพื่อฝ่าด่านกับดักบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านเสียงข้างน้อยคงไม่มีใครเสนอชื่อลงแข่งเพื่อให้ สว.โหวตช่วย” นายเมธา ระบุ
นายเมธา ระบุด้วยว่า ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร คงต้องวางมือทางการเมืองตามกติกาและคงไม่ได้คุมยุทธศาสตร์ชาติตามที่มีข่าวออกมา เพราะมาตรา 12 ของ พ.ร.บ. การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 ระบุให้ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเป็นนายกรัฐมนตรีโดยตำแหน่ง และพล.อ.ประยุทธ์ เอง อาจจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากการออก พ.ร.ก.มิชอบ
ผมจึงเห็นว่า ตามโควต้าตอนนี้ ตำแหน่งนายกฯ จึงจะเป็นของพรรคก้าวไกล ส่วนประธานสภาจะเป็นของพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมา 8 พรรคร่วมรอดูความชัดเจนเรื่องคดีหุ้นสื่อไอทีวีของพิธา เนื่องจากหวั่นว่าจะมีธง ทางการเมืองตัดสิทธิ์พรรคก้าวไกล แต่จริงๆ ก็คิดกันไปเอง ว่ากันไปตามกติกาประชาธิปไตย ประเทศไทยก็ไปต่อได้เหมือนเดิม ส่วน สว.บางคนที่ออกมาเคลื่อนไหว ก็คงเพียงการชงรับแนวทางเสียงข้างน้อยสืบทอดอำนาจที่มีโอกาสริบหรี่ จึงเกิดการปั่นกระแส การโฆษณาชวนเชื่อต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการแทรกแซงจากมหาอำนาจ แต่แท้จริงแล้วรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่างหากที่มีโครงการความร่วมมือกับมหาอำนาจมากที่สุด อนุญาตให้มีการซ้อมรบร่วมกัน และเปิดให้ รอง ผอ. CIA เข้าพบเมื่อปีก่อน รวมถึงการตั้งกงสุลเฉียดหมื่นล้านท่ามกล่างข้อกังวลการติดตั้งยุทธภัณฑ์สอดแนม แต่ดันมากล่าวหาว่ารัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนพรรคก้าวไกลเคลื่อนไหวทางการเมือง” นายเมธา ระบุ
นายเมธา ระบุว่า การเมืองที่น่าสนใจในเวลานี้ คือกลุ่มทุนพลังงานรายใหญ่ ไล่ฟ้องผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดการผูกขาดระบบไฟฟ้าและปัญหาค่าไฟแพง ซึ่งไม่ควรฟ้องปิดปากประชาชนและนักวิชาการเหล่านั้นเพราะเป็นประโยชน์สาธารณะ และทุนใหญ่ทั้งหลายควรออกมาช่วยเหลือประเทศที่เหลื่อมล้ำ เพราะได้ส่วนเกินไปจากสังคม จากนโยบายของรัฐบาล ไม่ได้รวยขึ้นจากสุญญากาศหรือความสามารถส่วนตัว